ในประเภทคะแนนรวม (Overall) ชยพล โยธา คว้าอันดับหนึ่งด้วยเวลา 16 ชั่วโมง 15 นาที 12 วินาที ขณะที่ คัตสึฮิโกะ ทากูชิ จบการแข่งขันที่อันดับ 5 และ คาสุโตะ โคอิเดะ คว้าอันดับที่ 22 นอกจากนี้ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ยังสามารถคว้ารางวัลประเภททีม (Team Award) ได้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นการทวงคืนแชมป์ประเภททีมในรอบ 2 ปี ซึ่งรางวัลนี้จะมอบให้กับ ทีมที่มีผู้เข้าเส้นชัย 3 คันขึ้นไป โดยพิจารณาจากเวลารวมของ 2 คันแรกที่ทำผลงานได้ดีที่สุด
การแข่งขัน AXCR ในปีนี้ เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ด้วยพิธีเปิดที่ถนนคนเดินพัทยา แหล่งท่องเที่ยวริมทะเลชื่อดังของเมืองไทย ก่อนเริ่มการแข่งขันในวันถัดมาด้วยเส้นทาง Leg 1 ซึ่งมีระยะทางกว่า 360 กิโลเมตร จากเมืองพัทยามุ่งหน้าสู่จังหวัดปราจีนบุรีทางภาคตะวันออก ซึ่งรวมถึงเส้นทาง SS ที่ยาวที่สุดในการแข่งขันถึง 199.13 กิโลเมตร
ส่วนการแข่งขัน Leg 2 พาทุกทีมมุ่งขึ้นเหนือไปอีก 500 กิโลเมตร จากจังหวัดปราจีนบุรี สู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โดยเส้นทาง SS ครั้งนี้ มีทั้งทางหินที่สมบุกสมบัน สลับกับทางเรียบที่ต้องใช้ความเร็วสูงผ่านพื้นที่ การเกษตร สะท้อนถึงความหลากหลายของภูมิประเทศ อันเป็นเอกลักษณ์ของการแข่งขัน AXCR ได้อย่างน่าเร้าใจ ส่วนใน Leg 3 เส้นทางยังคงอยู่ในเขตเขาใหญ่ แต่ต้องเจอกับพายุฝนในช่วงบ่าย ทำให้เส้นทางกลายเป็นดินโคลนสุดอันตราย จนทำให้รถแข่งหลายคันต้องเจอปัญหาใหญ่และฝ่าผ่านไปได้อย่างยากลำบาก
สำหรับการแข่งขัน Leg 4 และ Leg 6 ซึ่งเดิมกำหนดเส้นทางที่มีระยะห่างจากชายแดนกัมพูชาประมาณ 50 กิโลเมตร ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย ส่วน Leg 5 ยังเดินหน้าจัดแข่งขันตามปกติ โดยมีเส้นทางวกกลับไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งแม้จะเป็นเส้นทางเดียวกับ SS1 แต่สภาพถนนเลวร้ายลงอย่างหนักจากร่องลึกและหลุมบ่อ
ที่ทีมต่าง ๆ ทิ้งไว้ในช่วงการแข่งขัน Leg 1 และยังมีต้นไม้หักโค่นจากพายุฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้แม้แต่กลุ่มทีมผู้นำยังติดหล่ม ส่งผลให้การแข่งขัน Leg นี้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในวันที่โหดหินที่สุดของการแข่งขันปีนี้
ใน Leg 7 ขบวนรถต่างมุ่งหน้ากลับสู่เมืองพัทยา โดยใช้เส้นทางบางส่วนเดียวกับ SS1 และ SS5 ซึ่งมีทั้งถนนแคบผ่านพื้นที่การเกษตร ถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และการลุยข้ามลำธาร จนกระทั่งถึง Leg 8 ในวันสุดท้าย ซึ่งปิดฉากการแข่งขันลงอย่างยิ่งใหญ่ ณ ท่าเรือบาลีฮาย ในเมืองพัทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น