การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย “มาสด้า” ก่อตั้งโดย “คุณจูจิโร่ มัทซึดะ” เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมจุกไม้คอร์กในปี พ.ศ. 2463 ต่อมาเริ่มผลิตเครื่องมือกลไกในปี พ.ศ. 2472 เนื่องจากเป็นผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ มร. มัทสึดะ ก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตมอเตอร์ไซค์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2474 จึงได้เริ่มผลิตรถบรรทุกสามล้อ เรียกว่า “มาสด้า โก” เป็นรถคันแรกที่ผลิตออกสู่ตลาดในนาม “มาสด้า” ก่อนที่จะได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์ 2 จังหวะ เป็นรายแรกของโลก ปัจจุบัน “มาสด้าเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ผลิตเครื่องยนต์โรตารี่”
ตำนานที่คงอยู่ตลอดกาล หลังจากเริ่มนำรถมาสด้าเข้ามาให้คนได้รู้จัก ในปี พ.ศ. 2507 โดย บริษัท กมลสุโกศล ได้นำเข้าปักอัพมาสด้าตัวแรก
รุ่น 800 ซีซี 4 สูบ
เข้ามาจำหน่ายในชื่อรุ่น “Familia 800” ความจุ 782 ซีซี 48 แรงม้า แบบ 4 ประตู
ซึ่งได้รับความนิยมและถูกกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน
ลงทุนสร้างโรงงานในไทยปักหลักตลาดสำคัญฐานผลิตและส่งออกทั่วโลก
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 มาสด้าได้ตกลงร่วมทุนกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท
ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง
และเริ่มทำการผลิตเต็มอัตราในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 บนเนื้อที่ 529 ไร่ ด้วยเงินลงทุนถึง
500 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำลังการผลิต 135,000 คันต่อปี และผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รุ่น B2500 สำหรับส่งออก และจำหน่ายภายในประเทศ รวมถึงรถยนต์นั่งรุ่น 323 โปรทีเจ
มาถึงปี พ.ศ. 2542 ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จึงได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น
จัดตั้งคณะผู้บริหารใหม่ เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น “บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” มุ่งเน้นแนวทางการบริหารไปที่ด้านการตลาด
การขาย การบริการลูกค้า และการสนับสนุนผู้จำหน่าย เพื่อนำเสนอรถยนต์มาสด้ารุ่นต่าง
ๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้มาสด้าเริ่มต้นการผลิตรถปิกอัพที่ ชื่อว่า มาสด้า ไฟเตอร์
โฉมใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกรถปิกอัพที่มีประตูแค็บเปิดได้เป็นครั้งแรกของโลก
และทำให้มาสด้าประสบความความสำเร็จอย่างสูง โดยมียอดขายสะสมสูงกว่า 55,000 คัน
จุดเริ่มต้นตำนาน MAZDA BT-50
เมื่อเดือนมีนาคม 2549 มาสด้าเปิดตัวแนะนำรถสปอร์ตปิกอัพ MAZDA BT-50
เครื่องยนต์คอมมอลเรล ให้พลังแรงเต็มพิกัด
ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ซูม-ซูม” โชว์เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมยานยนต์สุดล้ำแห่งอนาคต
พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน สร้างชื่อเสียงของแบรนด์มาสด้าให้กระหึ่มทั่วโลกอีกครั้ง
รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ได้รับการออกแบบภายใต้ DNA ของมาสด้า ประกอบด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว พิถีพิถันทุกรายละเอียด
และขีดสุดแห่งพลังที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว เป็นรถปิกอัพโฉมเฉี่ยวสไตล์
ซูม-ซูม รวมถึงเครื่องยนต์อันทรงพลัง คอมมอนเรล ชื่อ มาสด้า BT-50 เป็นชื่อที่ใช้สำหรับตลาดทั่วโลก
คำว่า มาสด้า BT-50 มาจาก B-Series Truck ซึ่งเป็นรหัสที่ใช้เรียกรถปิกอัพมาสด้ามาอย่างยาวนานและถือเป็นตำนานรถปิกอัพมาสด้า
ส่วนตัวเลข 50 หมายถึงความสมดุลที่อยู่กึ่งกลางของน้ำหนักการบรรทุกของปิกอัพครึ่งตัน
และมีน้ำหนักบรรทุกมากกว่า 1 ตัน
ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรถรุ่นนี้ได้เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก
โดยผลิตจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์
มีมาตรฐานเดียวกับโรงงานมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น ควบคุมดูแลโดยทีมวิศวกรมาสด้า
ผลิตและจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศ ทั่วโลก
มาสด้า BT-50 เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด
ดีเซล ไดเรคท์อินเจ็คชัน เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์
พร้อมระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด คอมมอนเรล มีให้เลือกทั้งแบบ MZR-CD 3,000 ซีซี 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร
และ MZR-CD
2,500 ซีซี 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ถือได้ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่แรงที่สุดในรถกระบะเมืองไทย
เพราะให้แรงบิดสูงสุดมหาศาลอย่างต่อเนื่อง
สร้างมาตรฐานปิกอัพใหม่แนะนำฟรีสไตล์แค็ปเจ้าแรกจนเป็นที่นิยมในตลาด
ต่อมาในเดือนมกราคม 2555 มาสด้าเริ่มสตาร์ทอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์แบบฮีโร่ "ขับเคลื่อนทุกสิ่ง...ให้เป็นจริงได้"
ซึ่งเป็นรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดจากสายการผลิตในประเทศไทยที่พร้อมอวดโฉมอันสง่างามดุจรถยนต์นั่งระดับหรู
ที่ลบภาพความเป็นปิกอัพแบบเดิมๆ จนหมดสิ้น
เหนือชั้นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังแรงสุดในตลาด
ดีไอ-ธันเดอร์ โปร (Di-THUNDER PRO) อัดแน่นด้วยออพชั่นที่ใส่มาแบบเต็มๆ
รูปลักษณ์การออกแบบที่งดงามทั้งภายนอกและภายในดุจรถอเนกประสงค์สุดหรูและมีมิติขนาดที่ใหญ่สุดในตลาด
ซึ่งมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่
มีให้ลูกค้าได้เลือกหลายรุ่นทั้ง ฟรีสไตล์แค็ป หรือบานแค็ปเปิดได้ และดับเบิ้ลแค็ป
4 ประตู มาใน 2 เครื่องยนต์ คือ
ดีไอ-ธันเดอร์ โปร 3.2 ลิตร 200 แรงม้า
แรงบิด 470 นิวตันเมตร
และ ดีไอ-ธันเดอร์ โปร 2.2 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร
ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ
และ 4 ล้อ โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูง
หรือ Hi-Racer จะเป็นจุดขายที่สำคัญของมาสด้าซึ่งจะทำให้มาสด้าบรรลุเป้าหมายการขายรถปิกอัพที่ตั้งไว้ในปีนี้ 22,000 คันอย่างแน่นอน
ปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่
ได้ฉีกทุกกฎของการออกแบบปิกอัพแบบเดิมๆ
ด้วยการผสมผสานแนวคิดการออกแบบที่เน้นความสวยงามมีสไตล์ ควบคู่กับการใช้งานของปิกอัพที่มากกว่ารถเก๋ง
ออกแบบภายใต้แนวคิด "นากาเร่" เป็นความงดงามที่อยู่ในธรรมชาติ ด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหวและดุดันมาประยุกต์ให้เข้ากับแนวคิดการออกแบบ
"โคโดะ" หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพของเสือชีต้าห์อันสง่างาม
น่าเกรงขาม แต่คงไว้ซึ่งความปราดเปรียวและพลังที่ดุดัน
พร้อมกระโจนไปข้างหน้าอย่างว่องไว ทำให้มาสด้า บีที -50 โปร
ใหม่
เป็นปิกอัพคันแรกของโลกที่มีเส้นสายที่สวยงามพลิ้วไหวอยู่รอบคันตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้าย
ให้อารมณ์ความสปอร์ตและมีบุคลิกที่โดดเด่น ฉีกออกจากรถปิกอัพแบบเดิม ๆ
นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันสง่างามทันสมัยนี้
คือความลงตัวใหม่สำหรับทุกรูปแบบการใช้งาน
และยังมีขนาดของมิติตัวถังที่ใหญ่สุดในตลาดรถปิกอัพของประเทศไทย สร้างความสำเร็จอย่างมากด้วยยอดขายสะสมสูงถึง
110,000 คัน
มาสด้า นักสู้ผู้ไม่เคยย่อท้อ
ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2564 ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับวิกฤตโคโรน่าไวรัส
แต่มาสด้าไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ มาสด้าเปิดตัวปิกอัพที่ลูกค้าทั่วโลกใฝ่ฝันและเฝ้ารอมานาน
กับ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่
ด้วยการผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว คือ รถปิกอัพที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดโลก
คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด
รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด กลับมายึดฐานลูกค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง
All-New Mazda BT-50 เจนเนอเรชั่นใหม่
“พร้อม...กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม
เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีตระกูล CX Series เจเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า ที่ผสานกับรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ
โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวี และคุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาส
การผนวกรวมจุดเด่นทั้งหมดเหล่านี้ และความต้องการของลูกค้าที่อยากจะเห็นจากรถปิกอัพในปัจจุบัน
ทำให้ All-New Mazda BT-50 เป็นปิกอัพที่มีความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน
เป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดปิกอัพ ตั้งแต่การใช้งานได้ในทุกโอกาส ขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้นและเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้น
ปัจจุบันผู้ซื้อรถปิกอัพ
ไม่ได้มองเพียงแค่ความแข็งแกร่ง ความทนทานในการใช้งาน
หรืออัตราการประหยัดน้ำมันเท่านั้น วันนี้ลูกค้าใส่ใจในทุกรายละเอียด
ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และดีไซน์มากขึ้น การผสมผสานความแข็งแกร่ง อึด ทน ในรถสไตล์รถปิกอัพเข้ากับ
โคโดะ ดีไซน์ ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม จึงเกิดเป็นความโดดเด่น
แตกต่างไม่เหมือนใคร บ่งบอกได้ว่า นี่คือ ปิกอัพสายพันธุ์ใหม่ของมาสด้า
เกิดเป็นความแข็งแกร่งควบคู่กับความสง่างามของรถปิกอัพยุคใหม่ ตอบโจทย์รูปแบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในยุคปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้น
ด้วยระบบ Infotainment รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง
Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™* ซึ่งสามารถใช้งาน Miracast
แบบไร้สายผ่าน Wifi
และรองรับการเชื่อมต่อแบบ
MirrorLink อีกทั้งยังมีระบบนำทางที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ก้าวที่มั่นคงสู่อนาคตที่ยั่งยืนของมาสด้าในประเทศไทย
ปัจจุบันมาสด้าลงทุนรวมกว่า 56,300 ล้านบาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 240,000 คัน
ส่งออกไปทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ ในอาเซียน เอเชียแปซิฟิก
ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกากลาง แอฟริกา
รวมถึงส่งกลับไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันผลิตรถยนต์มาสด้า2, มาสด้า3, CX-3 และ CX-30 และลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นเมื่อปี
2556 ภายใต้ชื่อ บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง
(ประเทศไทย) จำกัด หรือ MPMT จังหวัดชลบุรี บนเนื้อที่กว่า 800
ไร่ ผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลและสกายแอคทีฟเบนซิน จำนวน 100,000
ลูก/ปี เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟไดร์ฟ 400,000 ลูก/ปี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัตินอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก
ด้วยเงินลงทุนกว่า 26,000 ล้านเยน หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท และเพิ่มเงินลงทุนอีกประมาณ 22,100 ล้านเยน
หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท
น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับเรื่องราวความเป็นมาของรถปิกอัพมาสด้า นับจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ก้าวผ่านเรื่องราวผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาแล้วมากมาย แต่ด้วยสปิริต ความเป็นมาสด้า เพราะเรากล้าที่จะแตกต่าง ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคเฉกเช่นเดียวกับชาวฮิโรชิมา กว่า 104 ปี ของมาสด้าญี่ปุ่น กว่า 74 ปี ในประเทศไทย มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของมาสด้าในประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น